เมนู

พระโคดมพระองค์นั้น ทรงแสดงธรรมโปรด
ข้าพเจ้า ด้วยพระกรุณาอนุเคราะห์ ข้าพเจ้านั่งอยู่ ณ
อาสนะนั้น ก็บรรลุผลที่ 3 [อนาคามิผล] ครั้นแล้ว
ก็โกนผมบวชไม่มีเรือน นับตั้งแต่ตัณหาอันข้าพเจ้า
ทำให้เหือดแห้งแล้ว ถึงวันนี้ ก็นับเป็นราตรีที่ครบ 7.

จบอโนปมาเถรีคาถา

5. อรรถกถาอโนปมาเถรีคาถา


คาถาว่า อุจฺเจ กุเล ดังนี้เป็นต้น เป็นคาถาของพระอโนปมาเถรี.
พระเถรีแม้รูปนี้ ก็ได้บำเพ็ญบารมีมาในพระพุทธเจ้าพระองค์ก่อน ๆ
สร้างสมกุศลซึ่งเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพาน มาในภพเหล่านั้นๆ เพิ่มพูนธรรม
ทั้งหลายอันเป็นเครื่องอบรมบ่มวิมุตติ มาโดยลำดับในพุทธุปบาทกาลนี้บังเกิด
เป็นธิดาของเศรษฐีชื่อเมฆีในนครสาเกต นางมีนามว่า อโนปมา ก็เพราะรูป
สมบัติ ในเวลานางเติบโตเป็นสาวแล้ว บุตรเศรษฐี มหาอำมาตย์ของพระ-
ราชา และพระราชาเป็นอันมาก ได้พากันส่งทูตไปขอต่อบิดาว่า ขอท่านจง
ให้ธิดาชื่ออโนปมาแก่ตนเถิด ข้าพเจ้าทั้งหลายจักให้สิ่งนี้ ๆ แก่ท่าน นางได้ฟัง
ทูตนั้นแล้วคิดว่า เราไม่ต้องการเป็นฆราวาส เพราะถึงพร้อมด้วยอุปนิสัยจึง
ไปเฝ้าพระศาสดาฟังธรรม เริ่มวิปัสสนาไปตามกระแสพระธรรมเทศนาเพราะ
ญาณแก่กล้าแล้ว เมื่อขวนขวายวิปัสสนานั้น ได้ตั้งอยู่แล้วในผลที่สาม [อนา-
คามิผล] ตามลำดับแห่งมรรค. นางทูลขอบรรพชากะพระศาสดาแล้ว เข้า

ไปสำนักของนางภิกษุณี โดยพระบัญชาของพระศาสดา บวชในสำนักของ
ภิกษุณีทั้งหลายได้ทำให้แจ้งอรหัตในวันที่ 7 ได้พิจารณาการปฏิบัติของตนแล้ว
ได้กล่าวคาถาเหล่านั้นเป็นอุทานว่า
ข้าพเจ้าเกิดในตระกูลสูง ที่มีสิ่งของเครื่องปลื้ม
ใจมาก มีทรัพย์มาก สมบูรณ์ด้วยผิวพรรณสัณฐานและ
รูป เป็นธิดาของเมฆีเศรษฐี เป็นผู้อันพระราชบุตร
ปรารถนา พวกบุตรเศรษฐีพากันหมายปอง อิสรชน
มีพระราชบุตรเป็นต้น พากันส่งทูตไปขอต่อบิดาของ
ข้าพเจ้าว่า ขอจงให้อโนปมาแก่เรา อโนปมาธิดา
ของท่านนั้น มีค่าตัวเท่าใด เราจักให้เงินและทองเป็น
8 เท่าของค่าตัวนั้น ข้าพเจ้านั้นได้พบพระพุทธเจ้า
ผู้ประเสริฐที่สุดในโลก ไม่มีผู้อื่นยิ่งไปกว่า ได้ถวาย
บังคมพระยุคลบาทของพระองค์ เข้าไปเฝ้า นั่ง ณ ที่
ควรส่วนข้างหนึ่ง พระโคดมพระองค์นั้นได้ทรงแสดง
ธรรมโปรดข้าพเจ้า ด้วยพระกรุณาอนุเคราะห์ ข้าพเจ้า
นั่งอยู่ที่อาสนะนั้น ก็บรรลุผลที่สาม ครั้นแล้ว ได้
โกนผมออกบวชไม่มีเรือน นับตั้งแต่ตัณหาอันข้าพเจ้า
ทำให้เหือดแห้งแล้ว ถึงวันนี้ ก็นับเป็นราตรีที่ครบ 7.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อุจฺเจ กุเล ได้แก่ ในตระกูลแพศย์
ซึ่งสูงสุด. บทว่า พหุวิตฺเต ได้แก่ อุปกรณ์แก่ทรัพย์เครื่องปลื้มใจเป็นอัน
มากมีเครื่องประดับเป็นต้น. บทว่า มหทฺธเน ประกอบความว่า เราเกิด
แล้วในตระกูลมีทรัพย์มาก เพราะมีทรัพย์อยู่มากประมาณ 40 โกฏิซึ่งเก็บไว้

เป็นต้น. บทว่า วณฺณรูเปน สมฺปนฺนา ความว่า สมบูรณ์ด้วยผิวพรรณ
สัณฐานและสมบูรณ์ด้วยรูป คือมีผิวพรรณน่ารัก ประกอบด้วยสมบัติคือ
ฉวีวรรณที่สะอาดเปล่งปลั่ง และสมบัติของส่วนร่างกายมีพัตราภรณ์เป็นต้น.
บทว่า ธีตา เมฆิสฺส อตฺรชา ความว่าเป็นธิดาตัวเองของเศรษฐีชื่อเมฆี.
บทว่า ปตฺถิตา ราชปุตฺเตหิ ความว่า พระราชกุมารทั้งหลาย
ปรารถนาว่า พวกเราจะพึงได้ธิดานั้นอย่างไรหนอ. บทว่า เสฏฺฐิปุตฺเตหิ
คิชฺฌิตา
ได้แก่ แม้เศรษฐีกุมารทั้งหลาย ก็ต้องการคือมุ่งหวังอย่างนั้น.
บทว่า เทถ มยฺหํ อโนปมํ ความว่า พระราชบุตรเป็นต้น ได้ส่งทูตมา
ขอในสำนักบิดาว่า ขอท่านทั้งหลาย จงให้อโนปมาธิดาแก่เรา ๆ เถิด. บทว่า
ยตฺต ํ ตุลิตา เอสา ประกอบความว่า อิสรชนมีกุมารเป็นต้นส่งทูตมาหา
บิดาของข้าพเจ้าแจ้งว่า อโนปมาธิดาของท่าน ท่านตีราคา คือผู้รู้ลักษณะ
กำหนดคำว่า มีคุณค่าเป็นทรัพย์เท่าใด เราจักเพิ่มเป็น 8 เท่าจากทรัพย์นั้น.
คำที่เหลือ มีนัยอันกล่าวมาแล้วในหนหลังแล้วทั้งนั้น.
จบอรรถกถาอโนปมาเถรีคาถา

6. มหาปชาบดีโคตมีเถรีคาถา


[456] พระมหาปชาบดีโคตมี กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
ข้าแต่พระพุทธเจ้าผู้แกล่วกล้า สูงสุดกว่าสัตว์ทั้ง
ปวง หม่อมฉันขอนอบน้อมแด่พระองค์ผู้ทรงช่วยปลด
เปลื้องหม่อมฉัน และชนอื่นเป็นอันมากให้พ้นจาก
ทุกข์ หม่อมฉันกำหนดรู้ทุกข์ทั้งปวงแล้ว เผาตัณหา